ขอขอบคุณวีดีโอจาก http://arjarnsod.wix.com/individualstudy#!clip/cee5
วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2556
วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556
Special Thank
ขอขอบคุณทุกท่านจากใจจริง
รศ.พิชัย สดภิบาล ที่ให้คำปรึกษาและแนะนำงานนี้
เพื่อนๆที่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน
ประสบการณ์ดีๆ จากพี่ใหม่ พี่เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ พ่อและชาวชัยนาททุกคน
อาแมวสำหรับรถทั้งขาไปและขากลับ
บางคนอาจมองว่า ชัยนาทเป็นเมืองเล็กๆที่ไม่มีอะไร แต่ถ้าคุณได้ลองไปเที่ยว ไปสัมผัสวิถีชีวิตต่างๆ คุณจะพบว่าชัยนาทยังมีอะไรให้คุณค้นหามากมายไม่จบไม่สิ้น เสน่ห์ของชัยนาทคือคนชัยนาทที่มีนิสัยน่ารักเสมอต้นเสมอปลายอยู่เสมอ ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดีๆที่น่าค้นหาค่ะ
[พิเศษ]คณะผู้จัดทำ
1.นายกิตติภพ ผิวนวล รหัสนักศึกษา 55070010
2.นางสาวชญานิศ ตันธีระพงศ์ รหัสนักศึกษา 55070020
3.นายชนพล เหมือนเผ่าพงษ์ รหัสนักศึกษา 55070023
4.นางสาวชนากานต์ พันธ์แก้ว รหัสนักศึกษา 55070024
5.นางสาวชมพูนุช จันทรโชติ รหัสนักศึกษา 55070026
6.นายชายชาญ อรีประโคน รหัสนักศึกษา 55070029
7.นายทศพล ศรียาภัย รหัสนักศึกษา 55070047
8.นางสาวปวริศา ชื่นชูผล รหัสนักศึกษา 55070071
9.นายพิพัฒน์ จิรภาพไพบูลย์ รหัสนักศึกษา 55070084
10.นายศิรวิทย์ จันทรประภาพ รหัสนักศึกษา 55070117
นักศึกษาชั้นปีที่1 คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ
กลุ่ม 601 วัน พุธ 9.00 – 12.00 น.
รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา การออกแบบเชิงภูมิสังคมไทย
เสนอ
รศ.พิชัย สดภิบาล
พิพิณภัณฑ์สถานแห่งชาติชัยนาทมุนี
หากคุณเข้าไปไหว้พระในวัดบรมธาตุวรวิหารแล้ว ให้แวะเข้าไปชมหลักฐานทางประวัติศาสตร์และข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ในอดีตได้ที่พิพิณภัณฑ์สถานแห่งชาติชัยนาทมุนี ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ แต่มีข้อมูลมากมายให้สืบค้นและยืมหนังสือภายในพิพิณภัณฑ์ได้
เมื่อเข้าไปก่อนจะถึงส่วนที่แสดงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ จะต้องถอดรองเท้าและจ่ายค่าเข้าชม สำหรับคนไทยจะอยู่ที่ 10 บาทและชาวต่างชาติ 50 บาท
ในตัวพิพิณภัณฑ์จะแบ่งเป็นสองชั้น ชั้นล่างจะแสดงในส่วนของวัตถุโบราณและพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ส่วนชั้นบนจะเป็นการแสดงพระพิมพ์และพระพุทธรูป ซึ่งส่วนมากหลักฐานในสมัยก่อนของชัยนาท เมื่อถูกค้นพบไม่ได้มีการเข้าไปอนุรักษ์จึงทำให้หลักฐานเก่าๆบางประเภทได้สูญหายไป
นอกจากนี้ในส่วนนอกอาคารมีการแสดงเครื่องมือในสมัยโบราณ ที่มีทั้งเรือ อาวุธ เครื่องดนตรี เครื่องมือทอผ้า เกี่ยวข้าว ซึ่งเป็นส่วนจัดการแสดงเล็กๆ แต่มีข้อมูลที่บ่งบอกถึงลักษณะการใช้ชีวิตได้พอสมควร
หลังจากเมื่อได้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ เราก็ได้พูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับพี่เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ ซึ่งให้ข้อมูลที่เราไม่เคยทราบมาก่อนทั้งวิถีชีวิตทางด้านวัฒนธรรมและสังคมของชาวชัยนาท รวมไปถึงข้อมูลในเรื่องก่อนหน้านี้ รวมทั้งเรื่องของหลักฐานทางวัฒนธรรม ซึ่งพี่คนนี้บอกว่าปัจจุบันนั้นในชัยนาทหาหลักฐานทางวัฒนธรรมได้ยาก แต่ก็มีในหลายอำเภอที่เริ่มเห็นคุณค่าและเริ่มอนุรักษ์รวมทั้งเพื่อให้คนรู้จักจึงจะทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ที่เกิดขึ้น
สำหรับใครที่สนใจจะเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะเปิดเข้าชมวันพุธ-วันอาทิตย์ เวลา 08-00-16.00 น. (ปิดวันจันทร์-อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ซึ่งหากมาเป็นหมู่คณะหรือต้องการทราบข้อมูลต่างๆ จะมีพี่ๆเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ ให้ข้อมูลต่างๆระหว่างเยี่ยมชมได้ สามารถโทรสอบถามเส้นทางได้ที่เบอร์ 0-5640-5621 ค่ะ
เมื่อเข้าไปก่อนจะถึงส่วนที่แสดงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ จะต้องถอดรองเท้าและจ่ายค่าเข้าชม สำหรับคนไทยจะอยู่ที่ 10 บาทและชาวต่างชาติ 50 บาท
ในตัวพิพิณภัณฑ์จะแบ่งเป็นสองชั้น ชั้นล่างจะแสดงในส่วนของวัตถุโบราณและพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ส่วนชั้นบนจะเป็นการแสดงพระพิมพ์และพระพุทธรูป ซึ่งส่วนมากหลักฐานในสมัยก่อนของชัยนาท เมื่อถูกค้นพบไม่ได้มีการเข้าไปอนุรักษ์จึงทำให้หลักฐานเก่าๆบางประเภทได้สูญหายไป
นอกจากนี้ในส่วนนอกอาคารมีการแสดงเครื่องมือในสมัยโบราณ ที่มีทั้งเรือ อาวุธ เครื่องดนตรี เครื่องมือทอผ้า เกี่ยวข้าว ซึ่งเป็นส่วนจัดการแสดงเล็กๆ แต่มีข้อมูลที่บ่งบอกถึงลักษณะการใช้ชีวิตได้พอสมควร
หลังจากเมื่อได้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ เราก็ได้พูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับพี่เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ ซึ่งให้ข้อมูลที่เราไม่เคยทราบมาก่อนทั้งวิถีชีวิตทางด้านวัฒนธรรมและสังคมของชาวชัยนาท รวมไปถึงข้อมูลในเรื่องก่อนหน้านี้ รวมทั้งเรื่องของหลักฐานทางวัฒนธรรม ซึ่งพี่คนนี้บอกว่าปัจจุบันนั้นในชัยนาทหาหลักฐานทางวัฒนธรรมได้ยาก แต่ก็มีในหลายอำเภอที่เริ่มเห็นคุณค่าและเริ่มอนุรักษ์รวมทั้งเพื่อให้คนรู้จักจึงจะทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ที่เกิดขึ้น
สำหรับใครที่สนใจจะเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะเปิดเข้าชมวันพุธ-วันอาทิตย์ เวลา 08-00-16.00 น. (ปิดวันจันทร์-อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ซึ่งหากมาเป็นหมู่คณะหรือต้องการทราบข้อมูลต่างๆ จะมีพี่ๆเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ ให้ข้อมูลต่างๆระหว่างเยี่ยมชมได้ สามารถโทรสอบถามเส้นทางได้ที่เบอร์ 0-5640-5621 ค่ะ
[สกู๊ปพิเศษ]ร้านกาแฟโกยุ้ย-->โกยุ้ยคาเฟ่ จากรุ่นสู่รุ่น
บรรยากาศยามเช้าสำหรับคนชัยนาท กาแฟนั้นเป็นเครื่องดื่มที่มีความนิยมสูงมาก เนื่องจากคนช้ยนาทในตัวเมืองที่่ส่วนมากมีอาชีพค้าขาย มักจะตื่นแต่เช้าและสั่งกาแฟเสมอ หากนึกถึงกาแฟโบราณย่านตลาดภาษีซุงและย่านอำเภอเมือง ทุกคนจะรู้จักร้านกาแฟโกยุ้ย
บรรยากาศร้านนี้ เป็นร้านกาแฟโบราณตึกแถว มีการตกแต่งด้วยไม้เป็นบาร์สวยงามตามแบบสมัยใหม่ แต่ยังคงรูปแบบดั่งเดิมด้วยการเก็บสะสมเครื่องมือทำกาแฟโบราณไว้บนชั้นด้านบน มีโต๊ะสองสามโต๊ะ สำหรับนั่งจิบกาแฟยามเช้า และนอกจากนี้ร้านโกยุ้ยยังมีสาขาที่สองเป็นร้านคาเฟ่ที่มีรูปแบบสมัยใหม่ อยู่ตรงข้ามตลาดภาษีซุง บริเวณใกล้เซเว่น ซึ่งเน้นขายกาแฟสดตามแบบสมัยใหม่ แต่ก็ยังคงความคลาสสิกโดยการขายกาแฟโบราณควบคู่ไปด้วย
จากการสอบถามพี่ใหม่ เจ้าของร้านโกยุ้ยคาเฟ่ซึ่งได้เล่าถึงประวัติคร่าวๆในร้านนี้ว่า ร้านมีมาตั้งแต่ปู่ทวด โดยเริ่มแรกมีการขายตามงานวัดเป็นหาบเร่ จนกระทั่งมาเปิดเป็นร้านที่บริเวณข้างๆตลาดภาษีซุงบริเวณถนนเขื่อนเรียงหิน และมีการสืบทอดกิจการสืบเนื่องมาจนถึงพี่ใหม่ ซึ่งเป็นรุ่นที่ 4 ซึ่งมีญาติพี่น้องมาช่วยกันดูแลและก็แยกตัวไปเปิดโกยุ้ยคาเฟ่ซึ่งเป็นสาขาที่สองด้วย
นอกจากนั้น พี่ใหม่ได้กล่าวว่าที่เก็บของเครื่องมือการทำกาแฟโบราณเอาไว้อยู่นั้น เป็นเพราะว่าเป็นการที่ระลึกอยู่เสมอว่า บรรพบุรุษได้ทำกาแฟโบราณและรุ่นต่อไปได้สืบสานงานนี้ต่อ เพราะว่ากาแฟโบราณนั้นเป็นเหมือนอาชีพที่เลี้ยงทุกคนในครอบครัวมาจนโต
และนอกจากนี้ พี่ใหม่ซึ่งเป็นรุ่นที่ 4 ก็ได้ทำการขยายสาขาไปยังโกยุ้ยคาเฟ่ซึ่งเป็นร้านกาแฟสดสมัยใหม่ แต่ก็ยังคงการตกแต่งในรูปแบบวินเทจ และยังคงรูปแบบในการขายกาแฟโบราณควบคู่ไปด้วย เพราะว่าพี่ใหม่ต้องการสืบทอดเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษรุ่นก่อนๆ
สำหรับใครที่ต้องการลองชิมกาแฟโบราณอร่อยๆหรือต้องการดื่มกาแฟสดรสชาติกลมกล่อม สามารถแวะไปที่ร้านโกยุ้ย ที่บริเวณข้างๆตลาดภาษีซุงถนนเขื่อนเรียงหิน และสาขาที่สองร้านโกยุ้ยคาเฟ่ ตั้งอยู่ตรงข้ามห้างซุปเปอร์เซฟ เป็นร้านตกแต่งสไตล์วิทเทจซึ่งตอนนี้ปิดปรับปรุงโซนนั่งเล่นอยู่ แต่ยังขายทั้งกาแฟโบราณและกาแฟสด บริเวณหน้าร้านและหลังร้าน ซึ่งจะเปิดโฉมใหม่ของร้าน ช่วงเดือนเมษายนที่จะถึงนี้
บรรยากาศร้านนี้ เป็นร้านกาแฟโบราณตึกแถว มีการตกแต่งด้วยไม้เป็นบาร์สวยงามตามแบบสมัยใหม่ แต่ยังคงรูปแบบดั่งเดิมด้วยการเก็บสะสมเครื่องมือทำกาแฟโบราณไว้บนชั้นด้านบน มีโต๊ะสองสามโต๊ะ สำหรับนั่งจิบกาแฟยามเช้า และนอกจากนี้ร้านโกยุ้ยยังมีสาขาที่สองเป็นร้านคาเฟ่ที่มีรูปแบบสมัยใหม่ อยู่ตรงข้ามตลาดภาษีซุง บริเวณใกล้เซเว่น ซึ่งเน้นขายกาแฟสดตามแบบสมัยใหม่ แต่ก็ยังคงความคลาสสิกโดยการขายกาแฟโบราณควบคู่ไปด้วย
จากการสอบถามพี่ใหม่ เจ้าของร้านโกยุ้ยคาเฟ่ซึ่งได้เล่าถึงประวัติคร่าวๆในร้านนี้ว่า ร้านมีมาตั้งแต่ปู่ทวด โดยเริ่มแรกมีการขายตามงานวัดเป็นหาบเร่ จนกระทั่งมาเปิดเป็นร้านที่บริเวณข้างๆตลาดภาษีซุงบริเวณถนนเขื่อนเรียงหิน และมีการสืบทอดกิจการสืบเนื่องมาจนถึงพี่ใหม่ ซึ่งเป็นรุ่นที่ 4 ซึ่งมีญาติพี่น้องมาช่วยกันดูแลและก็แยกตัวไปเปิดโกยุ้ยคาเฟ่ซึ่งเป็นสาขาที่สองด้วย
นอกจากนั้น พี่ใหม่ได้กล่าวว่าที่เก็บของเครื่องมือการทำกาแฟโบราณเอาไว้อยู่นั้น เป็นเพราะว่าเป็นการที่ระลึกอยู่เสมอว่า บรรพบุรุษได้ทำกาแฟโบราณและรุ่นต่อไปได้สืบสานงานนี้ต่อ เพราะว่ากาแฟโบราณนั้นเป็นเหมือนอาชีพที่เลี้ยงทุกคนในครอบครัวมาจนโต
และนอกจากนี้ พี่ใหม่ซึ่งเป็นรุ่นที่ 4 ก็ได้ทำการขยายสาขาไปยังโกยุ้ยคาเฟ่ซึ่งเป็นร้านกาแฟสดสมัยใหม่ แต่ก็ยังคงการตกแต่งในรูปแบบวินเทจ และยังคงรูปแบบในการขายกาแฟโบราณควบคู่ไปด้วย เพราะว่าพี่ใหม่ต้องการสืบทอดเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษรุ่นก่อนๆ
สำหรับใครที่ต้องการลองชิมกาแฟโบราณอร่อยๆหรือต้องการดื่มกาแฟสดรสชาติกลมกล่อม สามารถแวะไปที่ร้านโกยุ้ย ที่บริเวณข้างๆตลาดภาษีซุงถนนเขื่อนเรียงหิน และสาขาที่สองร้านโกยุ้ยคาเฟ่ ตั้งอยู่ตรงข้ามห้างซุปเปอร์เซฟ เป็นร้านตกแต่งสไตล์วิทเทจซึ่งตอนนี้ปิดปรับปรุงโซนนั่งเล่นอยู่ แต่ยังขายทั้งกาแฟโบราณและกาแฟสด บริเวณหน้าร้านและหลังร้าน ซึ่งจะเปิดโฉมใหม่ของร้าน ช่วงเดือนเมษายนที่จะถึงนี้
[สกู๊ปพิเศษ]10 เรื่องดีๆที่คุณยังไม่เคยรู้ที่ชัยนาท
1.คนชัยนาทมีวิถีชีวิตเสมอต้นเสมอปลาย ไม่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะ ใช้ชีวิต
2.คนชัยนาทส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรและชาวนา
3.นอกจากคนไทยเชื้อสายจีนแล้ว ยังมีหมู่บ้านของลาวครั่งซึ่งตอนนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของชัยนาทด้วย ซึ่งสามารถหาข้อมูลของลาวครั่งได้จากหนังสือของกระทรวงวัฒนธรรมที่มีชื่อว่า ลาวครั่งที่กุดจอด
4.ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ร้านค้าหลายร้านจะปิดและบางปีตลาดต่างๆในตัวเมืองจะเงียบ เพราะทุกคนจะอยู่รวมกันและกินข้าวที่บ้าน
5.คนชัยนาทมีนิสัยอดออม สามารถสังเกตได้จากจำนวนธนาคารต่างๆที่มาเปิดในอำเภอเมือง
6.พาหนะส่วนใหญ่ของชาวอำเภอเมืองคือมอเตอร์ไซต์
7.คำขวัญของจังหวัดชัยนาทคือ "หลวงปู่ศุขลือชา เขื่อนเจ้าพระยาลือชื่่อ นามระบือสวนนก ส้มโอดกขาวแตงกวา"
8.นอกจากงานสวนนก ที่มีชื่อเสียงในระดับหนึ่งแล้ว งานใหญ่ที่กำลังจะเป็นที่รู้จักก็คือ งานวันส้มโอขาวแตงกวาซึ่งจะจัดทุกปีในช่วงเดือนกันยายน
9.คนชัยนาทในหมู่บ้านหรือ ละแวกเดียวกัน แม้ไม่ใช่ญาติกัน แต่ก็รู้จักกันและหากพบเจอกันก็จะถามสารทุกข์สุขดิบด้วยความคิดถึงเสมอๆ
10.หากคุณอยากรู้จักชัยนาททั้งในแง่ของภูมิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สามารถหาหนังสือที่ชื่อว่า วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดชัยนาท
ขอขอบคุณ ข้อมูลส่วนหนึ่งจาก พี่เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติชัยนาทมุนี ที่ให้ข้อมูลดีๆที่น่าสนใจค่ะ
งานกาชาดและหุ่นฟางนกชัยนาท
ในช่วงที่เราไปกัน คือช่วงวันที่ 8-10 ก.พ.ซึ่งบังเอิญมากๆค่ะ เนื่องจากวันนั้นมันไปตรงกับวันที่ทางจังหวัดกำลังจัดงานกาชาดและหุ่นฟางนกชัยนาทพอดีค่ะ ซึ่งงานนี้ได้มีการจัดมายาวนานหลายปีแล้ว และปีนี้ก็เป็นการจัดงานครั้งที่ 28 แล้ว
ในภาพอยู่ตรงหน้าจวนผู้ว่าค่ะ มีสามล้อรวมตัวกันอยู่ เพราะว่าวันนี้มีขบวนแห่และมีพิธีเปิดงาน หลังจากที่เราเดินเล่นที่ตลาดภาษีซุงและแวะไปไหว้ศาลเจ้าพ่อปุ้นเถ้ากง และท่องเที่ยวไปรอบๆตัวอำเภอเมืองแล้ว พวกเราก็มารอดูขบวนแห่หน้าบ้านตอนเวลา 17.00 น.กันค่ะ
ในตอนค่ำๆหลังจากเราได้เดินแห่ไปกับขบวนแห่ไปแล้ว พวกเราก็เลยลองเข้าไปเดินในงานกาชาดและหุ่นฟางนกชัยนาทดูค่ะ ซึ่งในงานมีทั้งการออกบู๊ทร้านอาหารอร่อยๆของชัยนาท และร้านค้าต่างๆ แต่ที่ขาดไม่ได้ในงานก็คือหุ่นฟางนกซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของงานค่ะ
นอกจากหุ่นฟางนกในงานนั้นจะสามารถส่งเสียงร้องได้ ขยับปีกได้แล้ว งานยังมีหุ่นฟางนกที่อินเทรนด์ไปตามเกมส์ Angry bird กับเค้าด้วย
สำหรับทุกท่านที่สนใจ อยากไปเดินงานนี้ งานนี้จะจัดขึ้นทุกปีในช่วงเดือน ก.พ. ค่ะ ซึ่งถ้าต้องการไปเดินแบบสบายๆ เราขอแนะนำให้ไปตอนกลางวันหรือช่วงวันสุดท้ายของงานค่ะ เพราะว่าช่วงสองสามวันแรก คนจะเยอะมากจนบางทีไม่สามารถยืนถ่าย
วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2556
ศาลเจ้าปุนเถ่ากง-ม่า
หลังจากที่เราได้ไปแวะกินและเดินเล่นที่ตลาดภาษีซุงแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้ในช่วงตรุษจีนคือการไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิค่ะ นั้นคือศาลเจ้าพ่อปุนเถ่ากง-ม่า เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ของที่นี่ ซึ่งศาลเจ้าแห่งนี้ ถ้าเราจะมาจากตลาดภาษีซุงให้เราเดินออกมาทางออกอาคารไม้ให้ขึ้นบันได จากนั้นเดินเลี้ยวขวาแล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ จะพบตึกแถวซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของศาลเจ้าแห่งนี้ค่ะ
จากการสอบถามประวัติกับท่านประธานคณะกรรมการศาลเจ้าปุนเถ่ากง-ม่า จังหวัดชัยนาท ท่านได้กล่าวว่า ในสมัยอดีตก่อนที่จะมาตั้งที่นี้ ศาลเจ้าแห่งนี้ได้ตั้งอยู่ที่บริเวณริมแม่น้ำ บริเวณใกล้จวนผู้ว่าฯ และย้ายมาที่บริเวณนี้เมื่อ 40 ปีที่แล้ว ซึ่งถ้านับอายุรวมตั้งแต่ก่อนย้ายมาที่ตึกแห่งนี้จนถึงปัจจุบันมีอายุมากกว่า 90 ปี ซึ่งตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ยังมีวัฒนธรรมและความเชื่อที่น่าสนใจให้เราได้รับรู้อีกมากมาย
ทุกๆ 3 ปีที่ศาลเจ้าแห่งนี้การจัดงานประเพณีแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ซึ่งครั้งสุดท้ายที่จัดไปคือ เมื่อปี 2554 และจะจัดอีกครั้งคือปี 2557 ซึ่งจะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งงานนี้จัดมานานมากกว่า 40-50 ปี และมีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ขึ้นทุกปี แต่หากเป็นคนนอกจังหวัดชัยนาทจะรู้จักงานนี้อยู่น้อยคน เพราะเนื่องจากไม่ค่อยมีการประชาสัมพันธ์งานนี้เท่าที่ควร และทุกปีจะมีงานเฉลิมฉลองซึ่งจะจัดในช่วงวันเวลาเดียวกับงานประเพณีแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ ซึ่งในงานนั้นจะมีทั้งโต๊ะจีนและการแสดงงิ้ว เลยทำให้คนหันไปสนใจงานนั้นมากกว่า
นอกจากนี้ยังมีความเชื่อในเรื่องของการเลือกคณะกรรมการสมาคม ซึ่งจะใส่รายชื่อสมาชิกทั้งหมดยกเว้นคณะธรรมการชุดที่แล้ว แล้วทำการจับสลากออกมาและทำพิธีเสี่ยงทาย ซึ่งหากออกมาใช่ จึงจะสามารถเปิดชื่อได้ แต่ถ้าหากไม่ใช่ต้องทำการจับใหม่อีกครัั้ง ซึ่งมีการทำแบบนี้มานานตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันก็ยังมีพิธีการนี้อยู่
บรรยากาศในตัวตึกนี้ชั้นล่างจะเป็นสมาคมซึ่งจะมีรูปเก่าๆของคณะกรรมการชุดที่ผ่านๆมา รวมไปถึงเครื่องเล่นดนตรีเก่าๆของจีน ซึ่งบางอย่างนั้นหาดูได้ยากแล้ว
สำหรับใครที่สนใจหรือต้องการไปสักการะศาลเจ้าแห่งนี้ ท่านสามารถเดินมาจากตลาดภาษีซุงหรือเดินมาจากศาลากลางจังหวัดชัยนาทได้ โดยจากศาลากลางจังหวัดชัยนาทนั้นให้ท่านเดินเลี้ยวซ้ายและสังเกตโคมไฟและสีประตูของตึกแถวเป็นหลักค่ะ
จากการสอบถามประวัติกับท่านประธานคณะกรรมการศาลเจ้าปุนเถ่ากง-ม่า จังหวัดชัยนาท ท่านได้กล่าวว่า ในสมัยอดีตก่อนที่จะมาตั้งที่นี้ ศาลเจ้าแห่งนี้ได้ตั้งอยู่ที่บริเวณริมแม่น้ำ บริเวณใกล้จวนผู้ว่าฯ และย้ายมาที่บริเวณนี้เมื่อ 40 ปีที่แล้ว ซึ่งถ้านับอายุรวมตั้งแต่ก่อนย้ายมาที่ตึกแห่งนี้จนถึงปัจจุบันมีอายุมากกว่า 90 ปี ซึ่งตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ยังมีวัฒนธรรมและความเชื่อที่น่าสนใจให้เราได้รับรู้อีกมากมาย
ทุกๆ 3 ปีที่ศาลเจ้าแห่งนี้การจัดงานประเพณีแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ซึ่งครั้งสุดท้ายที่จัดไปคือ เมื่อปี 2554 และจะจัดอีกครั้งคือปี 2557 ซึ่งจะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งงานนี้จัดมานานมากกว่า 40-50 ปี และมีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ขึ้นทุกปี แต่หากเป็นคนนอกจังหวัดชัยนาทจะรู้จักงานนี้อยู่น้อยคน เพราะเนื่องจากไม่ค่อยมีการประชาสัมพันธ์งานนี้เท่าที่ควร และทุกปีจะมีงานเฉลิมฉลองซึ่งจะจัดในช่วงวันเวลาเดียวกับงานประเพณีแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ ซึ่งในงานนั้นจะมีทั้งโต๊ะจีนและการแสดงงิ้ว เลยทำให้คนหันไปสนใจงานนั้นมากกว่า
นอกจากนี้ยังมีความเชื่อในเรื่องของการเลือกคณะกรรมการสมาคม ซึ่งจะใส่รายชื่อสมาชิกทั้งหมดยกเว้นคณะธรรมการชุดที่แล้ว แล้วทำการจับสลากออกมาและทำพิธีเสี่ยงทาย ซึ่งหากออกมาใช่ จึงจะสามารถเปิดชื่อได้ แต่ถ้าหากไม่ใช่ต้องทำการจับใหม่อีกครัั้ง ซึ่งมีการทำแบบนี้มานานตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันก็ยังมีพิธีการนี้อยู่
บรรยากาศในตัวตึกนี้ชั้นล่างจะเป็นสมาคมซึ่งจะมีรูปเก่าๆของคณะกรรมการชุดที่ผ่านๆมา รวมไปถึงเครื่องเล่นดนตรีเก่าๆของจีน ซึ่งบางอย่างนั้นหาดูได้ยากแล้ว
ในส่วนของของชั้นบนก่อนขึ้นให้ถอดรองเท้าก่อนขึ้นด้วยนะคะ เมื่อขึ้นไปแล้วจะเป็นสถานที่ที่สักการะเจ้าพ่อและเจ้าแม่ ซึ่งจะมีธูปเทียนบริการให้เรียบร้อยค่ะ และสำหรับใครที่ต้องการขออะไร แนะนำให้เตรียมผลไม้ไปสักการะของพรติดไปด้วย เพราะที่ศาลเจ้าไม่ขายของสักการะค่ะ
ตลาดภาษีซุง
ในบรรยากาศตอนเช้าริมแม่น้ำเจ้าพระยา หากได้เดินไปตามถนนช่วงเขื่อนเรียงหิน แถบบริเวณศาลากลาง จะค้นพบว่ามีหลังคาสังกะสีและเสาไม้พร้อมกับมีบันไดทางลงให้เดินลงไป ทางนั้นคือทางเข้าหนึ่งในตลาดภาษีซุง ซึ่งเป็นตลาดเก่าแก่ในตัวเมืองชัยนาท ซึ่งประวัติที่มาไม่แน่ชัด แต่จากการสอบถามจากคนเก่าแก่ของที่นี่ ได้ทราบว่าตลาดนี้มีอายุมานานมากกว่า 50 ปี ซึ่งตลาดนี้จะเริ่มขายของตั้งแต่ตอนตี2ไปจนถึงช่วงเวลาเที่ยง ในตลาดจะขายของทั้งอาหารสด อาหารสำเร็จรูป ของอุปโภคบริโภค ซึ่งบางร้านในตลาดนี้ ขายกันมานานถึง 20-30ปีขึ้นไป
หากเดินเข้ามาในตลาดนี้สิ่งที่จะพลาดไม่ได้ในยามเช้าคือของกิน หากเดินเข้ามาในตลาดนี้เกิดท้องว่าง เราขอแนะนำให้คุณเดินไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวพี่นวล
วันนี้เราสั่งเส้นหมี่ก๋วยเตี๋ยวหมู ซึ่งก่อนที่คุณจะรับประทานให้คุณลองชิมก่อนนะคะ เพราะว่าร้านนี้จะปรุงมาให้ก่อนแล้ว ซึ่งรสชาติที่ได้ลองชิมมาบอกได้เลยค่ะว่าอร่อยอยู่แล้ว แต่ถ้าคนที่ไม่ชอบรับประทานหวาน เราขอแนะนำให้คุณบอกพี่เจ้าของร้านก่อนน่ะค่ะว่าคุณไม่เอาหวานเพราะพี่เจ้าของร้านจะได้ทำก๋วยเตี๋ยวหมูไม่หวานให้คุณค่ะ
นอกจากขนมผัดกาดแล้วที่นี่ยังมีร้านขนมเบื้องญวน ซึ่งรสชาติของขนมเบื้องญวนที่นี่นั้นทั้งอร่อยและราคาก็ถูกด้วยค่ะ ถ้าใครสนใจก็สามารถแวะไปเดินเล่นที่ตลาดภาษีซุง และอย่าลืมแวะรับประทานอาหารที่นั้นได้นะคะเพราะร้านอาหารและขนมรสเด็ดที่นั่นมีเยอะมากค่ะ เหมาะสำหรับคนที่หิวในยามเช้าจริงๆค่ะ
หากเดินเข้ามาในตลาดนี้สิ่งที่จะพลาดไม่ได้ในยามเช้าคือของกิน หากเดินเข้ามาในตลาดนี้เกิดท้องว่าง เราขอแนะนำให้คุณเดินไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวพี่นวล
เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวหมูที่สามารถอิ่มได้ในราคาเพียง 20 บาทเท่านั้นเอง แต่คุณจะต้องรีบไปเช้าๆนะคะ เพราะว่าร้านนี้ประมาณ 10-11 โมงบางทีก๋วยเตี๋ยวก็หมดแล้ว อีกอย่างร้านนี้ต้องรอคิวด้วย เนื่องจากมีโต๊ะและที่นั่งไม่เพียงพอต่อจำนวนของผู้บริโภคซึ่งมีจำนวนมาก
หลังจากที่เราอิ่มจากร้านแรกแล้ว เราขอแนะนำให้คุณรู้จักกับขนมผัดกาด ซึ่งในปัจจุบันเราจะหาขนมผักกาดในกรุงเทพฯนั้นเริ่มที่จะหารับประทานได้ยากแล้ว ร้านนี้มีทั้งขนมผัดกาดและก๋วยเตี๋ยวหลอด ซึ่งราคาย่อมเยาว์มากค่ะ ใส่ไข่ 20 บาท ซึ่งร้านขนมผัดกาดนั้นจะไม่มีที่นั่งนะคะ เราจะต้องซื้อกลับบ้านไปรับประทานค่ะหรือไม่ก็ซิ้อแล้วเดินรับประทานเล่นเดินชมตลาดก่อนก็ได้นะคะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)